Google เปิดตัว Pixelbook Go แล็ปท็อปราคาประหยัดที่อัดแน่นไปด้วยสเปคระดับ high-performance ที่เน้นเข้าถึงกลุ่มผู้ใช่ใหม่ๆได้มากขึ้น ด้วยดีไซน์เรียบหรู ค่อนข้างคล้าย MacBook แต่บางกว่าเพียง 13มม. น้ำหนักเบาประมาณ 2.3 ปอนด์( 1 กิโลกรัม) ตัวเครื่องทำจากแม็กนีเซี่ยมขัดด้าน เพื่อความหรูหราและแผ่นยางกันลื่นบริเวณด้านล่าง.
Pixelbook Go มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 13.3 นิ้ว
อัตราส่วน 16:9 มีสองรุ่นความละเอียด Full HD 1920×1080 (166ppi) และ 4K Ultra HD Molecular Display™ 3840×2160 (331ppi) รันด้วยระบบปฏิบัติการ Chrome OS แป้นพิมพ์เป็นแบบ Hush Keys คล้ายใน Pixel Slate พร้อมไฟ Backlit ที่มี key travel ให้ความรู้สึกเหมือนแล็ปท็อปทั่วไป แต่ให้เสียงที่เบา.
กล้องหน้าแบบ Duo Cam 2 ล้านพิกเซล F2.0 ถ่ายวีดีโอความละเอียด 1080p @60fps แบตเตอรี่สองขนาด Full HD: 47 Wh ใช้งานได้ถึง 12 ชั่วโมง, รุ่น 4K : 56 Wh, หัวชาร์จ USB-C 45W, Bluetooth 4.2, Wi-Fi: 802.11 a/b/g/n/ac, 2×2 (MIMO), dual-band (2.4 GHz, 5.0 GHz)
ส่วนของขุมพลังมีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่
จอ FHD Intel Core m3 RAM 8GB ความจุ 64GB ราคา $649 (ประมาณ 19,500 บาท)
จอ FHD Intel Core i5 RAM 8GB ความจุ 128GB ราคา $849 (ประมาณ 25,500 บาท)
จอ FHD Intel Core i5 RAM 16GB ความจุ 128GB ราคา $999 (ประมาณ 29,900 บาท)
จอ 4K Intel Core i7 RAM 16GB ความจุ 256GB ราคา $1,399 (ประมาณ 42,000 บาท)
สำหรับธุรกิจคอนซูเมอร์ของหัวเว่ย ในส่วนของสมาร์ทโฟนก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง โดยมียอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยในช่วง3 ไตรมาสแรกของปีรวมมากกว่า 185ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นกว่า26%เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา. นอกจากนี้ บริษัทยังเห็นถึงการเติบโตที่รวดเร็วของกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น พีซี แท็บเล็ต อุปกรณ์สวมใส่ และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงต่างๆ เช่นเดียวกัน.
จออัจฉริยะ เดอะวิชั่น (The Vision)สมาร์ททีวีที่ประกอบด้วยนวัตกรรมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์. ซึ่งเปิดตัวในช่วงไตรมาสที่3ก็ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากอุตสาหกรรมและผู้บริโภคการสรรค์สร้างอีโคซิสเต็มอันแข็งแกร่งที่มุ่งเน้นผู้บริโภคเป็นหลักช่วยส่งมอบประสบการณ์ไร้รอยต่ออันชาญฉลาดยิ่งขึ้นในทุกสถานการณ์การใช้งาน.
สำหรับอีโคซิสเต็มด้านการให้บริการมือถือของหัวเว่ยก็มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว. โดยปัจจุบันครอบคลุมกว่า170ประเทศและภูมิภาค และดึงดูดนักพัฒนากว่า1.07ล้านคนทั่วโลกที่ได้ลงทะเบียนร่วมพัฒนาเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของหัวเว่ยอีโคซิสเต็ม.
หัวเว่ยย้ำ “ต้องเปิดใจ” เพื่อการพัฒนา 5G ที่เร็วขึ้นอีกขั้น
มร. เคน หู รองประธานบริหาร หัวเว่ย ได้ขึ้นกล่าวถึง สถานะปัจจุบันของการพัฒนาเครือข่าย5G ทั่วโลก ในงาน Global Mobile Broadband Forum ครั้งที่ 10 ซึ่งเปิดฉากขึ้น ณ เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์. นอกจากการเน้นย้ำถึงประโยชน์จากเทคโนโลยี 5Gที่มีต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศที่ได้ริเริ่มการใช้โครงข่าย5G กันแล้ว มร. เคน หู ยังกล่าวถึงความสำคัญของนโยบายและความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่จะเอื้อต่อการเร่งพัฒนาเครือข่าย 5Gในขั้นต่อไป.
“เราได้ขับเคลื่อนจนเกิดความก้าวหน้าไปอย่างมาก แต่เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จาก5Gได้สูงสุด. เราต้องร่วมมือกันเพื่อพิชิตความท้าทายต่างๆ ที่รอเราอยู่เบื้องหน้า ไม่ว่าจะเป็นคลื่นความถี่ แหล่งทรัพยากรต่างๆ รวมถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน. เครือข่าย5Gไม่เพียงแต่เร็วกว่า 4G แต่จะมีบทบาทต่อวิถีชีวิตของเราที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง. ดังนั้น ในฐานะผู้ที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม เราจำเป็นต้องมีวิธีคิดที่สดใหม่เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาในอนาคต.”มร. เคน หู กล่าว
เพียงเวลาไม่ถึงหนึ่งปีหลังจากที่ได้มีการกำหนดมาตรฐานขึ้นมาอย่างชัดเจน ได้เกิดการใช้งานเครือข่าย5Gเชิงพาณิชย์อย่างกว้างขวาง ซึ่งมีความเร็วกว่า 4Gอย่างมาก. ผู้ให้บริการเครือข่ายในกว่า20 ประเทศ ได้เปิดให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ รวมกว่า40 เครือข่าย ภายในปลายปีนี้ คาดว่าจะมีเครือข่ายเพิ่มขึ้นอีกเป็น60 ราย.
5Gเปิดประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสความเร็วสูงสุด โดยเกาหลีใต้เป็นประเทศแรกที่เปิดให้บริการ 5Gเชิงพาณิชย์ และตอนนี้มีผู้ใช้งานมากกว่า 3.5 ล้านรายสมัครใช้งานเครือข่าย 5G กับผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศ. ภายในช่วงเวลาเพียงไม่ถึงหกเดือน อัตราการเติบโตดังกล่าวมีผลมาจากบริการใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นAR/VR ที่ใช้เทคโนโลยี 5G และการถ่ายทอดสดกีฬาด้วยภาพคมชัดระดับเอชดีแบบ360º. บริการทั้ง3รูปแบบนี้ทำให้ผู้ใช้งาน5G กลุ่มแรกเริ่มใช้ปริมาณดาต้าเพิ่มขึ้นถึง 1.3 กิ๊กกะไบท์ต่อเดือน.
นอกจากปริมาณการใช้ดาต้าที่เติบโตเพิ่มขึ้น ผู้ให้บริการเครือข่ายรายต่างๆ ยังมีช่องทางรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เช่นLG U+ผู้ให้บริการเครือข่ายในเกาหลีใต้ได้เปิดตัวบริการด้านVR/AR ซึ่งรวมอยู่ในแพ็กเกจดาต้า 5Gแบบพรีเมียม. ในช่วงเวลาเพียงสามเดือนหลังการเปิดให้บริการ 5G สัดส่วนผู้ใช้งานแพ็กเกจดาต้าแบบพรีเมียมเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก3.1% เป็น5.3%.
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น